Thursday 26 July 2018

ต่อไปนี้ซื้อของจากคนจนให้คิดดีๆ (อ่านเรื่องนี้แล้วความคิดท่านจะเปลี่ยน)

ต่อไปนี้ซื้อของจากคนจนให้คิดดีๆ (อ่านเรื่องนี้แล้วความคิดท่านจะเปลี่ยน)




คุณนาย(ผู้หญิงคนหนึ่ง) เดินเข้าไปถามชายชรา ผู้นั่งขายไข่ไก่อยู่ว่า ขายยังไง พ่อค้าเฒ่า ก็ตอบว่า ใบละ 5 รูปี..

คุณนายก็บอกว่า ฉันต้องการซื้อไข่ 6 ฟอง 25 รูปีได้ไหม (ที่จริงควรจะ 30 รูปี) ชายชราตอบว่า แล้วแต่คุณนายเถอะ อยากซื้อเท่าไหร่จ่ายเท่าไหร่ก็ตามสะดวก วันนี้อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของผมก็ได้ เพราะตั้งแต่เช้า ยังขายไข่ไม่ได้เลย


แล้วคุณนายก็หิ้วไข่ 6 ฟอง เดินไปขึ้นรถเก๋งที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่แล้ว ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่า สามารถซื้อไข่ได้ในราคาถูกกว่าที่พ่อค้าขาย

หลังจากนั้นคุณนายและผองเพื่อนก็ไปภัตตาคารแห่งหนึ่ง สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ และกินกันอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็ไม่หมด ยังเหลืออีกมากมายเยอะแยะ จนในที่สุดก็เรียกทางร้านมาเช็คบิล ราคาทั้งหมด 1400 รูปี คุณนาย ยื่นเงินไปให้ 1500 รูปี แล้วบอกว่า ไม่ต้องทอนนะค่ะ…

เงินแค่นี้มันธรรมดามากสำหรับเจ้าของภัตตาคาร แต่สำหรับพ่อค้าไข่ชรา มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดก็ได้นะ

จุดสำคัญคือว่า ทำไมเราชอบโชว์ว่า เวลาเราซื้อของจากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชาวบ้านลำบากอยู่แล้ว เรามักต่อรองราคาและรู้สึกพึงพอใจ ถ้าหากว่าเราต่อราคาได้ถูกกว่าราคาที่เขาขาย..แล้วทำไมเรามักไม่เคยได้ต่อรองราคาสินค้าราคาแพงๆ ที่วางขายในห้าง ในร้านใหญ่ๆ ที่เขาโก่งราคาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แปลกไหมละ?


ลองอ่านนี้ดูอีกหน่อย..


พ่อของผม มักจะชอบซื้อของจากคนจนๆ และให้ราคาสูง ทั้งๆที่พ่อไม่ได้ต้องการสินค้าเหล่านั้น ..บางทีพ่ออาจจะต้องการให้เงินแก่พวกเขาเพื่อนำไปใช้เลี้ยงครอบครัวเขาก็ได้…


ผมเคยถามพ่อดูว่าทำไมพ่อทำแบบนั้น พ่อตอบว่า “มันเป็นการทำบุญ ที่มีคุณค่ามากนะลูก” ..(ที่จริงจะแบบว่า มันเป็นการช่วยเขา ที่ทำให้เขาไม่เสียศักดิ์ศรี..ก็ได้นะ)

ผมรู้ว่า ส่วนใหญ่ คุณไม่ส่งต่อ ไม่แชร์ข้อความเหล่านี้หรอก แต่ลองทำดูซะหน่อยสิ

สะเทือนใจ!! ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร!! เรื่องจริงจากลุงขายมะพร้าว ที่ถูกคนรวยต่อราคา



ว่าด้วยเรื่อง “ต่อราคา” การพูดโต้ตอบ ระหว่างคนซื้อมะพร้าวน้ำหอมกับคนขาย
เวลาไปซื้อของแถวตลาดนัด หรือที่อื่นๆ คุณเคย…
“ต่อราคาของที่ซื้อไหม” ฉันเป็นคนนึงนะที่เคยทำแบบนั้น


แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ฉันอ่านไปเจอกับบทความในเพจเพจหนึ่ง
ในบทความนั้นเป็นการสนทนาการต่อราคาของคนซื้อกับคนขาย

เนื้อหาในบทสนทนานี้ไม่ได้ยืดยาวอะไรมากนัก
แต่แฝงไปด้วยข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำให้เรา
ฉุกคิดและนึกย้อนกลับมามองตัวเอง อีกครั้ง…


คนขายมะพร้าวน้ำหอม ขายลูกละ 30 บาท แต่คนซื้อบอกว่าแพงไป

คนซื้อ : มะพร้าวน้ำหอม ลูกละ 30 บาท ทำไมแพงจัง ลดเหลือ 15 บาทได้มั้ยลุง
คนขาย : คงลดให้ไม่ได้หรอก เพราะปลูกเอง ไหนจะเอามาขายอีก ยืนตากแดดขายทั้งวัน
คิดแค่ค่าต้นทุนก็เกิน 15 บาทแล้ว

ณ ตอนนั้น ในมือของคนซื้อถือแก้วกาแฟคาปูชิโน่อยู่ คนขายเลยถามไปว่า…

คนขาย : แล้วกาแฟคาปูชิโน่ที่ถืออยู่ในมือราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนซื้อ : …..150 บาท
คนขาย : แล้วคุณได้ต่อราคาเขาไหม ?
คนซื้อ : จะบ้าหรอ กาแฟเค้ามียี่ห้อ จะต่อราคาได้ไง
คนขาย : กับคนรวย คุณไม่ต่อสักบาทเดียว แต่พอกับคนจน คุณกลับต่อราคาถึง 15 บาท
คนซื้อยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก …

(พออ่านจบ ฉันก็รู้สึกว่า เออ มันก็จริงนะ)

….ถามว่า….
เพราะอะไรเราจึงต่อราคากับพ่อค้าจนๆ ที่ต้องยืนขายของกลางแดดร้อน
…..แต่กลับไม่เคยต่อราคากับผู้ค้าที่ร่ำรวยตามห้างฯหรือภัตตาคาร


ทำไม?
จึงต้องมาเอาเปรียบคนจนที่ต้องทำงานหนัก
ถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมเอาเปรียบคนจนอยู่…
เราใช้จ่ายในห้างเป็นพันๆ ตามห้างฯและร้านอาหารหรูๆ
แต่กลับต่อราคากันบาทต่อบาทกับคนจน
ซึ่งต้องทำงานหนักเลี้ยงตัวเองและครอบครัวของเขา….

อย่าต่อราคากับคนหาเช้ากินค่ำเลย …อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยกันเถอะค่ะ … (Cr.bigza)


อีกตัวอย่างดีๆอีกเรื่องนึง


เป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจกันมากเลยทีเดียว สำหรับเรื่องของ สมาชิกพันทิปชื่อ รอความเห็นต่อไปมาตอบแล้วกัน ได้มาเผยแพร่ประสบการณ์ชวนน้ำตาไหล หลังจากเขาได้ซื้อมะพร้าวอ่อนมาในราคาลูกละ 100 บาท แต่กลับทำให้เขาต้องสะเทือนใจถึงกับน้ำตาไหล ด้วยเหตุผลแบบนี้ โดยเจ้าของเรื่องได้เผยว่า

สวัสดีครับ วันนี้ผมกับแฟนขับรถกลับบ้านหลังจากทำงานเสร็จ มาถึงบ้านก็หกโมงกว่า บรรยากาศเริ่มมืดลงมากครับ หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว ผมกับแฟนก็กำลังเดินกลับขึ้นคอนโด แต่แฟนผมเค้าบ่นอยากกินน้ำมะพร้าวอ่อน ช่วงนี้กำลังท้องลูกชายคนเล็กอยู่ครับ ประกอบกับเหลือบไปเห็นรถเข็นขายผลไม้ที่ผู้ชายคนนึงกำลังเข็นผ่านถนนหน้าคอนโดไปครับ ผมก็เลยวิ่งไปเรียกรถเข็นผลไม้ให้จอดรอก่อน มันมืดเพราะช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว


พอผมเดินไปผู้ชายคนที่ผมเห็นนี้ก็คือ ลุงแก่ๆคนนึง มีรถเข็นขายผลไม้เก่าๆ สภาพรถคือ เก่ามาก ถึงมากที่สุดครับ สภาพในรถเข็นเป็นตู้กระจกใส่ผลไม้ซึ่งมีอย่างละนิดละหน่อย มีผลไม้ดองใส่ถุง มีมะกอกปอกเปลือกแล้ว และมีมะพร้าวอ่อนอยู่สามลูก สภาพมะพร้าวถ้าดูภายนอกเหมือนจะเริ่มดำและเน่า ที่สำคัญลุงคนนี้แกสุขภาพไม่ค่อยดีครับ พูดไม่ค่อยชัด มือไม้ไม่มีแรงเพราะตอนแกเข็นรถแกเข็นช้ามาก ไคลแมกซ์ของผม มันอยู่ตรงนี้ครับ จากบทสนทนา


ผม : ลุงครับ ซื้อมะพร้าวลูกนึงครับ
ลุง : เอาลูกไหนล่ะ (จับใจความได้แบบนี้)
ผม : เอาลูกนี้ครับ
ผมก็ชี้ที่ลูกมะพร้าว ลุงก็ยื่นมือลงมาหยิบครับ แต่แกไม่ค่อยมีแรงหยิบ ผมเลยหยิบมะพร้าวออกมาวางบนตู้กระจก
ผม : ไม่ต้องเฉาะนะครับ เอาไปทั้งลูกเลย
ลุง : …….

จุดไคลแมกซ์ก็คือ ตอนลุงแกกำลังดึงถุงก๊อบแก๊บออกจากห่อ แกพยายามดึงออกมาแต่มันติดกันอยู่ซึ่งแกพยายามดึงอยู่นานมาก ผมอยากจะช่วยแกนะครับ แต่เห็นแกดูมีความพยายามมากๆจึงไม่กล้าขัดแก แกดึงถุง ถุงก็ไม่ยอมออกครับ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกสงสารแกแบบว่าอยากร้องไห้จริงๆ มือไม้ของลุงแกไม่ค่อยมีแรงแบบนี้ ยังพยายามทำมาหากินเข็นรถผลไม้ขายทั้งๆที่สุขภาพก็ไม่ดี สงสารแกมากจริงๆครับ ผมว่าเกินนาทีได้เลยกว่าถุงก๊อบแก๊บใบเล็กจะหลุดออกมาจากห่อ แกดูเหนื่อยมากไม่มีแรงยกลูกมะพร้าวใส่ถุงให้


ลุง : พ่อหนุ่ม เอามะพร้าวใส่ถุงให้ลุงทีนะ
ผม : ได้ๆๆ ครับลุง ผมใส่เองได้ครับลุง
จากนั้นผมก็หยิบแบงค์ 100 ยื่นให้แกครับ ลุงแกเหมือนจะหยุดสตั้นไปพักนึง ในใจเวลานั้นผมคิดมาแล้วว่า สภาพร่างกายลุงแย่ขนาดนี้ ต้องเข็นรถเดินขายผลไม้ ผลไม้ก็เริ่มสภาพไม่ดีพอๆกับสุขภาพตัวของลุง ที่สำคัญแกไม่น่าจะมีเงินทอนพอแน่ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจเงินทอน ผมเลยให้แกไปเลย 100 บาท น่าจะพอซื้อรอยยิ้มในใจลุงได้บ้าง
ผม : ลุงครับ ไม่ต้องทอนนะครับ ลุงคงเหนื่อยมากแล้ว ขอให้ขายได้เยอะนะครับลุง
ลุง : ขอบใจนะพ่อหนุ่ม

แกจะยกมือขอบคุณ น่าตาก็เหมือนจะร้องไห้ แต่ผมรีบชิงยกมือไหว้ขอบคุณแกก่อน แล้วลุงก็เข็นรถเลียบถนนไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ ผ่านสายตาผมไป

ผมยืนมองแล้วสงสารแกมาก ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้แกได้พบเจอคนใจดีๆมาช่วยอุดหนุนแกบ้าง ลุงแกเข็นรถขายผลไม้อยู่แถวถนนเส้นลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 ผมลองถามคนแถวนั้นดูก็พบว่า บางวันแกก็เดินเข็นรถขาย บางวันก็ไม่ขายบ้างครับ สังเกตง่ายมากครับ ลุงแกจะเข็นรถได้ช้ามาก สภาพรถเข็นจะเก่ามาก มีร่มเก่าๆ รถเข็นแทบไม่มีน้ำแข็งเลย มีผลไม้เก่าๆอยู่ไม่มาก หนักไปทางผลไม้ดองมากกว่า ถ้าตอนนี้ยังไม่มีใครอุดหนุนอะไรเพิ่มเติมหลังจากผม มะพร้าวในรถเข็นน่าจะเหลืออีกสองลูกครับ ถ้าเพื่อนคนไหนพบเห็นลุงท่านนี้ ช่วยๆกันอุดหนุนคุณลุงนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ทางด้านของสมาขิกพันทิปท่านอื่นๆ ก็ต่างรู้สึกสะเทือนใจ และมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย



การแบ่งปันเรื่องราวดีๆนี้ ให้คนที่คุณรักและคนอื่นๆ ชีวิตคุณจะดีขึ้นทันที

ขอบคุณที่มา http://rugyim.com/3009





Saturday 5 May 2018

ใช้เงินทำงาน วิธีสร้างรายได้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้

ใช้เงินทำงาน วิธีสร้างรายได้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้


          มนุษย์เงินเดือน ได้เงินเท่าไรก็ใช้หมดภายในเดือนนั้นๆ ปกติในช่วงเริ่มต้นของการทำงาน ถึงแม้เงินเดือนจะน้อย  แต่ก็ยังมีเงินเหลือเก็บ แต่เมื่ออายุงานมากขึ้น ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่แล้วทำไม  เงินไม่มีเหลือให้เก็บ  แถมเงินที่มีก็ไม่พอใช้  รายจ่ายและภาระหนี้สินก็เพิ่มขึ้นทุกปี  แล้วเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็เพราะขาดแผนทางการเงินและไม่รู้วิธีใช้เงิน จึงทำให้เงินที่ได้มาหมดไปกับค่าใช้จ่ายเพื่อโอ้อวดและการแสดงฐานะเช่น การกู้เงินซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อมือถือเพราะเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน แต่แท้จริงแล้วเป็นค่าใช้จ่ายหรือหนี้สิน ก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน


           ข้ออ้างสำหรับคนซึ่งไร้แผนทางด้านการเงินเช่น เงินทุนมีน้อย ไม่มีความรู้ ไม่มีโอกาสเหมือนกับคนอื่น ไม่มีเวลา แค่ทำงานประจำวันก็เหนื่อยมากแล้ว  จึงขาดการพัฒนาความรู้ทางการเงินและการลงทุน นอกจากนี้ความรู้ที่ได้เรียนมาจากสถานบันการศึกษาก็ไม่ได้สอนเรื่องเงิน ฟังดูเหมือนว่าเงินๆ ทองๆ การลงทุนเป็นเรื่องยาก  จึงไม่สนใจใคร่อยากที่จะเรียนรู้ นอกจากจะไม่มีเงินเก็บแล้ว ยังทำให้เงินเดือนที่เก็บไว้บ้างก็ยังมีค่าลดน้อยลงกว่าเดิมทุกๆปี


          ถึงแม้การทำงานประจำจะให้ความมั่นคงได้ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง หากต้องการเงินเพิ่ม ก็สามารถทำโอทีได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตลอดไป เพราะมักจะถูกจำกัดจากนายจ้าง ข้อเสียจากการทำงานอย่างหนักด้วยการทำโอที ไม่สามารถวางแผนเวลาให้กับสิ่งอื่นๆที่สำคัญได้เช่น ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาดูแลครอบครัว จึงทำให้ชีวิตขาดความสมดุล  “not work life balance”


        ดังนั้นความรู้ทางการเงินจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็น ที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ โดยสามารถปรึกษาผู้รู้หรือคนเชี่ยวชาญด้านการเงินช่วยแนะนำเช่น อ่านหนังสือทางการเงิน ดูทีวีช่อง Money Channel ฟังวิทยุ หรือเข้าร่วมฟังสัมมนา นอกจากนี้ปัจจุบัน ยังมีนักจัดการทางการเงินมืออาชีพช่วยดูแลและจัดการด้านการเงินแทนเราได้


          ประโยชน์ความรู้ทางการเงินการลงทุน สามารถช่วยทำให้เรากลายเป็นคนใช้เงินเป็น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ไม่มีหนี้สิน  มีเงินเหลือเก็บ สามารถนำเงินที่ได้จากค่าแรงไปลงทุนซื้อทรัพย์สิน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นเทคนิคการ ใช้เงินทำงาน เพื่อทำให้เงินงอกเงย เมื่อมีทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น จนไม่ต้องไปทำงานแลกกับเงินอีก เราก็จะกลายเป็นคนที่มีมั่งคั่งทางการเงินและสามารถออกจากงานก่อนวัยเกษียณได้  สิ่งนั้นคือเป้าหมายของชีวิตมนุษย์เงินเดือน


          ใช้การวางแผนทางการเงินและใช้เงินทำงาน เพื่อลดภาระและลดการทำงานอย่างหนัก ปรับสมดุลชีวิตใหม่ ด้วยเคล็ดลับสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยเทคนิค ใช้เงินทำงาน ฉบับบมนุษย์เงินเดือน ที่นักวางแผนทางการเงิน Jerry Lynch ได้กล่าวไว้ดังนี้





7 เรื่องทางด้านการเงิน ใช้เงินทำงาน แบบมนุษย์เงินเดือนต้องรู้




    1. ก่อนจะใช้เงินทำงานต้องเรียนรู้วิธีลงทุน  โดยทั่วไปคนรวยมักมีจุดกำเนิดความร่ำรวย มาจาก 4 ด้านด้วยกัน คือ


  • การได้รับมรดกตกทอด จากรุ่นสู่รุ่น คุณปู่โอนให้พ่อ พ่อโอนให้ลูก เป็นธรรมชาติที่คนรวยมักจะรวยขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนรวยรวยมักได้รับการถ่ายทอด ความรู้ด้านการเงินการลงทุน ที่สอนให้กับรุ่นถัดไปได้ และนอกจากนี้ยังมี Connection กับคนรวยด้วยกัน

  • การลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ บ้านทำเลทอง ที่ดินขนาดใหญ่ คนรวยในอดีตถึงปัจจุบันจึงมักครอบครองที่ดิน ที่มีมูลค่ามหาศาลแล้วหาประโยชน์จากที่ดินนั้นเช่น ให้คนอื่นเช่า แบ่งเป็นแปลงย่อยขาย สร้างคอนโด บ้านเช่า

  • การทำธุรกิจก่อตั้งบริษัทขนาดใหญ่โตและมีระบบในการจัดการ สามารถจ้างคนที่มีความรู้ ความชำนาญ ใช้มืออาชีพทำงานให้ตนเอง คนมีความรู้จะช่วยสร้างและพัฒนาระบบในการจัดการ ทำให้บริษัทเจริญเติบโต และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง

  • การออมเงินในปริมาณมาก ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน คนรวยประเภทนี้ยุคปัจจุบันทำได้ค่อนข้างยาก เพราะการออมเงินด้วยการฝากธนาคาร ไม่สามารถทำให้ตนเองรวยได้  แต่การออมก็ยังเป็นเทคนิคพื้นฐานสำหรับคนรวย แต่เปลี่ยนรูปแบบการออมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเช่น ออมในหุ้น


         จุดกำเนิดความร่ำรวยคือ วิธีการสร้างเงินของคนรวย ตามความถนัดและความสามารถทักษะของแต่ละคน ปัจจุบันความรู้ในการลงทุน สามารถค้นคว้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีต้นทุนที่ถูกมาก สามารถเข้าไปถาม Google ได้ เพราะมักจะมีคำตอบให้ทุกคำถาม  เรามักได้ยินบ่อยครั้งอิสภาพทางการเงินจากการมีรายได้แบบ Passive Income นั่นคือสามารถหยุดทำงานได้ โดยที่รายได้ไม่หยุด


          กระแสการลงทุนในธุรกิจที่กำลังมาแรง คือ E-commerce การค้า-ขายออนไลน์ แต่ที่กำลังแนะนำต่อไปนี้คือ การลงทุนในตลาดทุน เป็นการลงทุนแบบให้เงินทำงาน แล้วให้ผลตอบแทนสมเหตุสมผล ซึ่งรายได้จะมาจากการปันผล เงินปันผล หุ้นปันผลและส่วนต่างราคาจากการขายหุ้น แต่การลงทุนในหุ้น  โดยส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จต้อง “ลงทุนระยะยาว” ถึงจะกลายเป็นผู้ชนะในตลาดได้ และต้องลงทุนแบบผู้มีความรู้การลงทุน แหล่งความรู้เรื่องหุ้นที่เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้นได้แก่ www.tsi.com,www.settrade.com เป็นต้น




         2.  ก่อนจะใช้เงินทำงานต้องออมเงิน การเก็บออมเป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐีได้ ความรวยจากการออมในปัจจุบันไม่เป็นเหมือนในอดีต เพราะดอกเบี้ยจากการฝากเงินในอดีตสูงมาก รูปแบบการออมในรูปแบบเดิมๆ ด้วยวิธีนำเงินไปฝากไว้ในธนาคารอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว  เพราะดอกเบี้ยต่ำ แต่ไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ จึงทำให้มูลค่าเงินของเราลดลง การออมที่มีความเหมาะสมกับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้คือ ออมในหุ้น หรืออมด้วยการซื้อสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ แต่ผลตอบแทนการลงทุนต้องไม่น้อยกว่า อัตราเงินเฟ้อที่เฉลี่ยประมาณ 3 % กว่าๆต่อปีได้  เคล็ดลับการออมในหุ้นง่ายๆเช่น การซื้อกองทุนรวม LTF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  RMF เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการลงทุน


         ข้ออ้างสำหรับคนไม่ได้ออมเช่น รายได้ไม่มาก ยังมีภาระเยอะต้องใช้หนี้อีกมากมาย ลูกยังเล็กค่าใช้จ่ายเยอะ ขอผ่อนบ้าน-ผ่อนรถให้หมดก่อนแล้ว หากมีเงินเหลือใช้แล้วจึงค่อยเก็บออม  ซึ่งเป็นนานาเหตุผล แต่เคล็ดลับสำหรับคนชอบออมคือ ต้องออมให้เป็นนิสัยคือ เมื่อได้รับเงิน ต้องออมก่อนที่จะนำเงินไปใช้จ่าย การเก็บออมขอให้ทำเป็นประจำ ต่อให้เกิดวิกฤตก็ต้องออม  ข้อคิดของการออมคือ คนเรามีความสามารถบริหารจัดการเงินได้ดี หากมีรายได้น้อยก็ยังสามารถบริหารเงินให้เพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวันได้ และถึงแม้ว่าจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เราก็ยังสามารถใช้เงินได้หมดเช่นกัน ดังนั้นให้เราออมเงินก่อนที่จะนำไปเป็นค่าใช้จ่าย




           3.  การใช้เงินทำงานต้องสร้างแผนสำรองเสมอ เป็นการสร้างแผนเพื่อเอาไว้รับมือในกรณี ที่ผลลัพธ์จากการลงทุนในหุ้นไม่เป็นไปตามสิ่งที่คาดการณ์ไว้ เพราะโลกปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ สังคม เกิดขึ้นรวดเร็วมาก นั้นต้องสร้างแผน เพื่อรองรับความปกติจากการเปลี่ยนแปลง สมมุติแผน X เราสามารถใช้ได้ดี  แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป เรามักจะพบว่าแผนนั้นไม่สามารถ ให้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการได้ จากเหตุการณ์นี้ คนที่ประสบความสำเร็จโดยส่วนใหญ่ มักจะขจัดความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้เสมอ และสำหรับคนที่ใช้เงินทำงานในหุ้นต้องมีเทคนิคพื้นฐาน การแบ่งเงินเป็นก้อนหลายตระกร้า เพื่อลดความเสี่ยง และที่สำคัญก้อนเงินสำหรับลงทุนในหุ้นต้องเป็นเงินเย็น เพราะการลงทุนต้องอาศัยเวลา






            4. การใช้เงินทำงานต้องเริ่มต้นให้เร็ว ช้าอย่างเต่าชนะเสมอ  หมายถึงให้เริ่มต้นลงทุนทางการเงินเมื่ออายุยังน้อย เพราะความสำเร็จ มักต้องการเวลาเสมอ การลงทุนในหุ้นต้องอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์  พยายามศึกษาหาความรู้การเงินการลงทุนเพิ่มเติม  เพราะการเก็บออมและการลงทุนได้เร็ว ยังมีเวลาเหลือพอที่จะได้เรียนรู้และการใช้บทเรียนจากความล้มเหลวไปสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จ อายุยังน้อยสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ จึงมีโอกาสทำให้ทรัพย์สินมีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ 




           5. การใช้เงินทำงานต้องมีคนเก่งคอยช่วย เป้าหมายการทำงานของ Jerry Lynch ก็คือ “เป็นคนที่โง่ที่สุดในที่ทำงาน” เพราะนั่น หมายความว่าเขาได้อยู่ท่ามกลางคนเก่ง มีคนฉลาดมากมาย ที่ช่วยทำให้ทุกการตัดสินใจใหญ่ๆ ของเขามักมีสุดยอดที่ปรึกษา คอยชี้แนะก่อนลงมือทำการสิ่งใด เพราะไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง ดังนั้นการ ยอมรับข้อจำกัดของตนเอง ย่อม ทำให้เราสามารถดึง ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาช่วยทำให้ทุกการตัดสินใจ ดียิ่งขึ้น มีความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น ความเสี่ยงก็น้อยลง โอกาสประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมีมากขึ้น วิธีร่นระยะเวลาในการสร้างเงินโดย ใช้เงินทำงาน วิธีลงทุนในหุ้นคือการใช้ผู้เชี่ยวชาญชี้แนะแนวทางแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ทักษะด้านต่างๆเช่น ความรู้ด้านเทคนิคและคุณภาพ การวิเคราะห์ตัวเลขและประเมินงบทางการเงิน




          6.  การใช้เงินทำงานต้องปฎิเสธ แทนที่จะตอบรับเมื่อไม่พร้อม จะทำให้เรามีเงินเหลือมากขึ้น การเจรจาการสนทนาทางธุรกิจ อาจไม่ใช่ข้อตกลงที่ดี ในช่วงเวลานั้น อาจไม่เหมาะสมที่เราจะตัดสินใจเซ็นต์สัญญา เมื่อรู้ว่าไม่พร้อมหรือผลลัพธ์จากการเจรจา มันไม่ช่วยทำให้ได้รับผลประโยชน์ที่มีคุณค่าพอ เราควรนำข้อมูลกลับมาศึกษาเรียนรู้มันใหม่  ค่อยเริ่มต้นกระบวนการต่อรองใหม่อีกครั้ง จนกว่าเราจะได้ในสิ่งที่ต้องการจริงๆ เพราะนั่นย่อมดีกว่าการเสียเงินไป กับเรื่องที่เราได้ผลตอบแทนที่ต่ำ การตัดสินใจและช่วงเวลาในการเลือกซื้อหุ้นจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ หากราคาหุ้นตัวที่เรากำลังสนใจแพงจนเกินไปควรปฏิเสธ แล้วรอโอกาสใหม่




           7.  การใช้เงินทำงานต้องเข้าใจว่าทุกอย่างมันมีโอกาส มีความเป็นไปได้ ที่จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ได้เสมอ  การมีความละเอียดรอบคอบและการศึกษอย่างละเอียดก่อนการลงมือทำ ก่อนที่จะหาเงินจากการ ใช้เงินทำงาน ในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ต้องรู้ว่าอะไรที่มันเป็นไปได้บ้าง แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมื่อเราลงทุนไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง สำคัญอยู่ที่ต้องมีแผนรองรับ แล้วคอยเฝ้าระวังในสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ การเตียมความพร้อมให้ทุกด้าน ทั้งความฉลาดทางด้านปัญญาและความฉลาดทางด้านอารมณ์





ต่อไปนี้ซื้อของจากคนจนให้คิดดีๆ (อ่านเรื่องนี้แล้วความคิดท่านจะเปลี่ยน)

ต่อไปนี้ซื้อของจากคนจนให้คิดดีๆ (อ่านเรื่องนี้แล้วความคิดท่านจะเปลี่ยน) คุณนาย(ผู้หญิงคนหนึ่ง) เดินเข้าไปถามชายชรา ผู้นั่งขา...